วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทความเกี่ยวกับจริยธรรมผู้บริหาร

กบข.ขาดทุน..เรื่องเล็ก จริยธรรมผู้บริหาร..ใหญ่กว่า แก้วิกฤตศรัทธาสกัดการเมือง

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

กลไกพัฒนาคนสู่สังคมมีคุณภาพ

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด
การบริหารด้วยสัปปุริสสธรรม

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด
คำพ่อ-คำแม่

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

การพัฒนาศักยภาพในวัยศึกษา

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร




จะสร้างชีวิตสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร
กำหนดความคิดว่าฉันเป็นคนสมบูรณ์พูนสุขที่สุด
ความคิดเป็นตัวที่จับให้มั่นได้ยากเหมือนม้าเหมือนวานรจะคล้องบังคับจับให้มั่นได้จะต้องใช้ความประณีตกับอารมณ์ให้มาก

แต่ก่อนยังมีายคนหนึ่งเรียนถามท่านอาจารย์ไป๋อวิ๋นว่า “ความคิดจิตใจของศิษย์กำราบไว้ไม่อยู่ได้ควรทำประการใด?”

อาจารยไป๋อวิ๋นย้อนถามว่า“เป็นความคิดจิตใจของผู้ใดหรือ”ตอบว่า“ของศิษย์เอง”

ท่านถามต่อไปว่า“ใครเป็นผู้กำราบ?”ศิษย์ฉงนตอบไม่ถูกได้แต่นิ่งอึ้งยิ้มอยู่
อาจารย์ ว่า “จะมาจะไปเจ้าวุ่นวายเองไม่มีผู้ใหญ่เป็นหลักถ้าเอาชนะมันไม่ได้จงวางมันลง ไปยังจะต้องรู้ว่าที่วางมันลงไปนั้นเป็นใครถ้าเข้าใจก็จะมีผู้ใหญ่เป็นหลัก ไม่ต้องถูกมันหลอกล่อเอาอีก”

ไห่เอวี้ยจึงได้เข้าใจกราบขอบพระคุณแล้วกราบลาไป

ใคร ที่ทำให้ตนเองเกิดความคิดว่าตนเองเบิกบานสมบูรณ์พูนสุขเสมอได้ผู้นั้นจะต้อง เป็นผู้สูงด้วยปัญญาอย่างแน่นอนตรงกันข้ามคนที่ทำให้ตนเองเกิดความคิดว่า เคราะห์ร้ายทุกข์ยากเศร้าโศกเสมอผู้นั้นจะต้องเป็นคนโง่อย่างหาที่เปรียบไม่ ได้

แตกต่างกันแค่ความคิดก็ผิดแผกกันดังฟ้ากับดินทีเดียวพุทธะจึงว่า“หนึ่งความคิดคือหนึ่งวัฏจักร”คือเหตุผลนี้

ผู้ เขียนเองก่อนลุกขื้นจากเตียงนอนตอนเช้ามักจะเผยอเปลือกตาขึ้นสองส่วนหลับ อยู่แปดส่วนในใจกำหนดว่าตนเองเป็นคนสมบูรณ์พูนสุขที่สุดฟ้าได้โปรดประทาน ปัญญาสูงสุดให้ไว้ประทานศิลปสุนทรีย์ภาพสูงสุดโอกาสดีที่สุดความรักอันโอฬาร พลังวิริยะไม่รู้จบไว้ให้ญาติเพื่อนฝูงที่หายากอีกมากมาย...

ผู้ เขียนเองปักใจว่าตนเองได้ครอบครองความสมบูรณ์เหล่านี้อยู่จนกระทั่งฝังใจ หยั่งรากลึกลงในจิตสำนึกแล้วเกิดเป็นผลสะท้อนอย่างเด็ดเดี่ยวต่อพฤติกรรมของ ตัวเองนี่ก็คือ“ศรัทธาความคิด”

จะทำให้ตนเองสมบูรณ์พูนสุขจะต้องไม่ยึดบริเวณเฉพาะตนเพราะจะเป็นการจำกัดขอบเขตให้ตนเองจงขยายส่วนกว้างส่วนลึกออกไป

ลอง สมมุติเอาว่าตนเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ถ้าคิดว่าเป็นสัดส่วนเฉพาะตนก็จะถูก จำกัดอยู่บนสัดส่วนนั้น ถ้าเลื่อนเก้าอี้ออกไปเสียพื้นกว้างทั่วบริเวณนั้นเป็นที่นั่งของฉันได้ทั้ง หมดหรือฟ้าดินกว้างใหญ่ทั้งหมดเป็นที่ท่านจะท่องเที่ยวไปได้ทั้งนั้นจะ รู้สึกเป็นอิสระเบิกบานปานใด

พึงรู้ไว้ว่าระหว่างฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่คนเป็นสิ่งล้ำค่าสูงส่งกว่าใดๆในท่ามกลาง

แม้ ที่อยู่จะใหญ่โตโหฐานตกแต่งวิจิตรตระการตาสำหรับฉันนั้นไม่ถือเป็นการเสพสุข ตรงกันข้ามทุกอย่างแย่กว่านี้ก็ไม่รู้สึกอัดอั้น เห็นบางคนเมื่อจะตัดผมจะต้องเข้าร้านหรูหราชั้นสูงมีระดับขึ้นรถไฟก็จะต้อง ขบวนพิเศษชั้นหนึ่งนั่นคือจำกัดขอบเขตให้ตนเองหาความกังวลให้ตนเองสมมุติว่า ถ้ามีสักครั้งไม่มีรถชั้นหนึ่งมีเหตุจำเป็นจะต้องไปรถธรรมดาชั้นสามเชื่อว่า เขาจะต้องอึดอัดกลัดกลุ้มอยู่บนรถไฟชั้นสามธรรมดาไปตลอดทางถ้ามีเหตุตก ค้างอยู่ต่างจังหวัดถึงเวลาจะต้องตัดผมไม่มีร้านตัดผมหรูหราชั้นสูงอย่างเคย เขาจะลำบากใจเพียงไรอย่างนี้ถ้าไม่ใฝ่หาความยุ่งยากให้กับตัวเองเเล้วจะเรี ยกว่าอะไร
จะให้ตนเองมีความสมบูรณ์พูนสุขจะต้องใช้เจตนาดีแจกแจงทุกอย่าง
โลก ที่เราอยู่มีทุกสิ่งอย่างตรงกันข้ามคู่กันมีสวยก็มีขี้ริ้ว มีบน-ล่างสูง-ต่ำอ้วน-ผอมเล็ก-ใหญ่ฯลฯฉะนั้นก่อนอื่นสาวสวยจะต้องรู้สึกขอบ คุณเป็นอย่างยิ่งต่อหล่อนทั้งหลายที่ใบหน้าเหยเกดูไม่ได้ถ้าไม่มีความไม่สวย ของหล่อนเหล่านั้นจะเปรียบเทียบสะท้อนให้เห็นความสวยของเธอได้อย่างไร
ในขณะที่มีคนวิจารณ์ว่าร้ายเราแสดงให้เห็นว่ามีคนกำลังชื่นชมเห็นใจเราอยู่มีคนเกลียดเราแสดงว่ามีคนกำลังรักเราปกป้องเราอยู่ด้วย

ลอง ยื่นมือออกมาสิมีด้านสว่างมีด้านมืดถ้าเราจะพูดว่าเขาเป็นคนดีเรือก็พูดถึง ด้านสว่างของเขาตรงกันข้ามถ้าจะพูดว่าเขาเป็นคนเลวเราก็จะพูดถึงความมืดของ เขา

แต่ ก่อนมีเจ้าเมืองท่านหนึ่งเกิดมาพิกลพิการแขนขาข้างซ้ายด้วนไปเหลือแต่ข้าง ขวาแต่ท่านอยากให้ภาพของท่านปรากฏแก่ชนรุ่นหลังให้ชาวประชาชื่นชมรำลึกจึง ได้เรียกหาจิตรกรผีมือดีที่สุดในแผ่นดินมาวาดภาพให้จิตรกรคนนี้มิใช่ฝีมือ ธรรมดาวาดได้มีชีวิตชีวาเหมือนเจ้าเมืองจริงๆ

เจ้า เมืองดูแล้วกระอักกระอ่วนยิ่งนักแม้จะวาดให้ดีเพียงใดแต่ลักษณะพิการอย่าง นี้จะเปิดเผยถ่ายทอดต่อสายตาประชาชนสืบไปกระไรได้จึงประหารจิตรกรเพื่อลบ ความจำของเขาเสียจากนั้นก็เสาะหาจิตรกรคนที่สองมาคนที่สองได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับจิตรกรคนแรกมาแล้วเป็นบทเรียนจึงไม่กล้าวาดตามลักษณะความเป็นจริง ภาพที่ออกมาจึงมีแขนขาครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีที่ตำหนิเจ้าเมืองดูแล้วยิ่ง กระอักกระอ่วนเข้าไปอีกถึงกับตวาดใส่ว่า“ที่วาดนั้นไม่ใช่ข้าเจ้ากล้า ส่อเสียดข้าเชียวหรือ”แล้วเจ้าเมืองก็สั่งประหารจิตรกรคนที่สองเสียอีกคน หนึ่งไม่นานจิตรกรคนที่สามก็ถูกเรียกตัวเข้าเมืองมาเขาครุ่นคิดพิจารณาอยู่ นานไม่กล้าลงมือวาดง่ายๆสุดท้ายจึงได้ความคิดว่าจะต้องวาดด้านข้างเขาจัดการ วาดด้านขวาที่แขนขายังครบถ้วนอยู่ด้วยความตั้งใจไม่ให้ด้านซ้ายที่พิกลพิการ ปรากฏเลย
(เหมือนการปิดบังความชั่วของผู้อื่นเปีดเผยแต่ความดีของเขา) เจ้าเมืองพอใจมากจิตรกรผู้นี้จึงรอดดายและได้บำเหน็จรางวัลมากมายไป

อาจ มีวันใดที่เพื่อนรักของคุณเดินสวนทางเฉียดตัวคุณไปคุณดีใจทักทายแต่เขาไม่ ตอบรับจงคิดเสียว่าเขาคงสายตาสั้นเสียแล้วหรือเขาคงจะใจลอยเขาคงมีความทุกข์ มากมีปัญหาต้องครุ่นคิดมากฯลฯมองสบตากันก็ยังไม่เห็นช่างเถอะแล้วคุณก็ยังคง สบายใจต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือคุณจะคิดว่ามันมีเหตุโกรธแค้นไม่พอ ใจอะไรเรามันใหญ่มาจากไหนมันเรียนสูงกว่าเกียรติยศตำแหน่งสูงกว่ารวยกว่า หรืออย่างไรยิงคิดยิ่งแค้นเจ็บจำฝังใจ

ดูเถิดว่าความกลัดกลุ้มวุ่นวายมากหลายตัวเองหามาเองทั้งนั้น ที่กล่าวมาเป็นวิธีสร้างสรรค์ให้ตนเองเกิดความสมบูรณ์พูนสุข

ส่วนวิธีลบล้างให้ตนปราศจากความกลัดกลุ้มวุ่นวายนั้นคือ

1. เก็บจิตเข้าไว้ที่ เกิดกลัดกลุ้มวุ่นวายนั้นล้วนเกิดจากปล่อยใจให้กระเจิงไปจับไปเกาะไปพัวไป พันไปยึดไปติดกับอะไรๆและเห็นมันเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตท่านปราชญ์เมิ่งจื๊อ จึงได้กล่าวไว้ว่า

ธรรมะของการเรียนรู้ไม่มีอื่นใดเรียกจิตที่ปล่อยออกไปให้กลับมาเท่านั้นเองไก่หมาที่เลี้ยงไว้หายไปรู้จักเรียกหาจิตที่ปล่อยออกไปไมู่ร้จักเรียกหาน่าเศร้าแท้

2. เที่ยงตรงในความเห็นความทุกข์กังวลวุ่นวายใจมักเกิดจากความลำเอียงเห็นแก่ตัวเห็นผิดเป็นชอบเห็นกงจักรเป็นดอกบัวหากใช้ปัญญาเที่ยงธรรมปัญหาจะหมด

3. เห็นกฎแห่งกรรมเมื่อ ได้ยินคำพูดที่ไม่ควรได้ยินควรคิดถึงคำไม่ควรพูดที่ตนเคยพูดใครแสดงกิริยา อาการไม่ดีต่อเราให้รู้ทันทีว่านั่นเป็นการก่อกรรมถ้าคิดอย่างนี้แม้ใครจะ พูดบาดหูบาดใจใครจะแสดงอาการก็สงบใจลงได้เพราะนั่นอาจเป็นกรรมสนองเราหรือ กรรมที่เขาก่อเองไม่ควรเข้าไปเกี่ยวกรรม

4. การนินทาว่าร้ายเขาคือก่อกรรมถูก นินทาว่าร้ายคือได้สะเดาะเคราะห์กรรมนินทาว่าร้ายเขาดูเผินๆเหมือนได้เปรียบ แท้จริงคือเสียเปรียบโดยสิ้นเชิงก่อกรรมไม่รู้ตัวถูกนินทาว่าร้ายดูเหมือน เสียเปรียบแท้จริงเขาช่วยสะเดาะเคราะห์แก้กรรมให้แล้ว

5. ยกระดับจิตตัวเองอย่า มีใจคอเยี่ยงเขาการด่าทอแสดงโทสะต่อกันมักเกิดจากต่างยึดถือความเห็นของตน เป็นใหญ่ไม่ยอมลดละใจคอพอกันถ้ายกระดับจิตตัวเองได้เขากำลังด่ากำลังเกิด โทสะให้มองเห็นเป็นอาการอะไรสักอย่างหนึ่งให้เห็นเป็นกระจกส่องเงาตนเองหรือ ไม่เห็นอะไรเลย
6. ให้เห็นความเป็นธาตุสมมุติทุกอย่างใน โลกไม่ว่าจะมีอายุยืนยาวเพียงไรมั่นคงแข็งแรงสวยงามล้ำค่าแค่ไหนไม่พ้นจะ ต้องถึงวันแตกดับสูญสลายเพราะปลงไม่ตกว่ามันเป็นธาตุสมมุติเราจึงเศร้าโศก เสียใจหวงแหนเสียดายของรักของหลงจนต้องทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงในที่สุดตัวเอง ก็ต้องแตกดับสูญสลายตามไปวันใดในหนึ่งเช่นกัน

7. อย่าร้อนตัวรับบทแทนคนอื่นเขาตีวัวแต่เราชอบทำเป็นคราดบางครั้งวัวยังไม่รู้ตัวว่าถูกตีคราดเกิดอาการเจ็บปวดแล้วก็มี

ครั้ง หนึ่งเศรษฐีเชิญแขกผู้มีเกียรติหลายท่านมาร่วมงานสำคัญเลยเวลานัดหมายไปมาก อีกหลายคนยังไม่มาเศรษฐีกระวนกระวายบ่นไปลอยๆว่า“ที่ควรจะมาแล้วสิยังไม่มา ”แขกผู้มีเกียรติสามคนที่มาถึงอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่งร้อนตัวลุกขึ้นลากลับด้วย ความไม่พอใจเศรษฐีรีบชี้แจงว่า“ผมไม่ได้ว่าคุณ”แขกผู้มีเกียรติอีกคนหนึ่ง ได้ยินคำนี้ก็ร้อนตัวบ้างลุกขึ้นลากลับด้วยความไม่พอใจเหมือนกันเศรษฐีก็ ร้อนรนชี้แจงอีกว่า“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณ” แขกคนที่สามผลุดลุกขึ้นกระแทกเสียงว่า“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นผมน่ะสิ”ว่า แล้วก็กระแทกเท้าออกจากงานไปเศรษฐีเกาหัวงุ่นง่านตะโกนตามหลังไปว่า“ไอ้ที่ ควรมาก็ยังไม่มาไอ้ที่ไม่ควรไปก็จะไป”เพิ่งพูดขาดคำผู้มีเกียรติสองคนแรก ทะลึ่งยืนพร้อมกันแล้วว่า“ไอ้ที่ควรไปคงต้องเป็นผมสินะ”ว่าแล้วก็ฮึดฮัดออก จากงานไปโดยไม่ยอมฟังเสียงของเศรษฐีอีกเลย

8. อย่าหวังว่าใครจะต้องเหมือนเรามีคำกล่าวว่า“ข้าวอย่างเดียวกันเลี้ยงคนร้อยพันต่างจิตต่างใจ”

อารมณ์ จิตใจของคนเราจะแตกต่างกันไปตามสภาพความเป็นอยู่ผู้คนรอบข้างตามระดับการ ศึกษาและความแตกต่างของลมฟ้าอากาศฯลฯจึงหาความพอดีเหมือนกันได้ยากดังคำที่ ว่า “เราจะเป็นที่ถูกใจคนทั้งร้อยไม่ได้คนทั้งร้อยจะเป็นที่ถูกใจเราทั้งหมดก็ ไม่มี”ฉะนั้นจึงอย่าหวังให้ใครเป็นอย่างที่เราต้องการ

9. อย่าให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนมีอยู่มากไปถ้า ถามนักการศึกษาว่าอะไรสำคัญที่สุดเขาจะตอบว่า“ก็วิชาความรู้นะสิ”ถ้าถามนัก เศรษฐศาสตร์เขาจะตอบว่า“ก็เงินนะสิ”ต่างก็จะหยิ่งในศักดิ์ศรีให้ความสำคัญใน สิ่งที่ตนมีในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องเปาบุ้นจิ้นราชครูผังไท่ซือหยิ่งใน ศักดิ์ศรีให้ความสำคัญต่อฐานะราชครูของตนเองจนไม่เห็นนายอำเภอศาลไคฟงอยู่ใน สายตาจึงต้องย่ำแย่อับจนถึงที่สุด

10. สร้างความสุขให้เกิfขึ้นแก่ความคิดของใครๆเสมอใคร ที่พยายามหาทางสร้างความสุขให้เกิดขึ้นแก่ความคิดของใครๆเสมอเขาจะเป็นผู้ ได้รับความสุขนั้นก่อนใครๆความทุกข์กลัดกลุ้มก็จะไม่เกิดเช่นเรามีเรื่องขำ ขันอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อื่นขำขันด้วยเพียงคิดเท่านั้นยังไม่ทันจะเอ่ยปาก เล่าเราเองก็นึกขำขันแล้วในใจความเบิกบานก็ตามมาถ้าเอาแต่จะจับผิดหาทาง จัดการกับใครๆขณะครุ่นคิดวางแผนตนเองก็เกิดทุกข์ก่อนเขาหาความสุขเบิกบานไม่ ได้

11. เห็นความเป็นจริงว่าฟ้าดินเป็นเตาหลอมคนเราอยู่ในท่ามกลางถึงอย่างไรเราก็หนีไม่พ้นจะต้องรับการเคี่ยวกรำอยู่แล้ว

คำโบราณกล่าวว่า“หยกไม่เจียระไนไม่ได้รูปทองไม่เผาไฟไม่มีค่า”
ธูปก็เช่นกันแม้ไม่จุดไฟหรือจะกระจายกลิ่นหอม

ท้อง ฟ้าเหมือนกะทะแผ่นดินเหมือนเตาไฟเราอยู่ในท่ามกลางถูกกำหนดวางมาอย่างนี้มี หรือจะไม่ถูกเคี่ยวกรำแต่ฟ้าดินไม่มีปากจะพูดจาจึงต้องอาศัยคนอาศัยเหตุ ต่างๆทางโลกมาทดสอบเรื่องแรงไฟสุขุมในจิตใจเราแรงไฟสุขุมเป็นแรงไฟที่ให้ ความอบอุ่นแก่ตนเองและผู้อื่นเมื่อตกอยู่ในภาวะถดถอยท้อแท้
หนาวสะท้านแรงไฟสุขุมเป็นพลังหล่อหลอมจิตใจให้มั่นคงสูงส่งต่อไปแต่มิใช่เป็นไฟเผาผลาญระรานทำลาย

12. กำไรชีวิตไม่ ว่าจะค้าขายหรือทำการใดทุกคนล้วนอยากได้กำไรกำไรเงินทองสิ่งของวัตถุความสุข ในอบายมุขเป็นกำไรชั่วขณะทางโลกยังอาจเป็นเหตุนำไปสู่การขาดทุนในวันข้าง หน้าได้

ข้อ คิดแนวทางการสร้างชิวิตสมบูรณ์พูนสุขที่ได้กล่าวมาเป็นคุณต่อชีวิตการปฏิบัติ บำเพ็ญเป็นคุณต่อชีวิตจิตญาณของตนและคนรอบข้างจึงน่าจะเป็นกำไรชีวิตได้ อย่างแท้จริง

http://www.mindcyber.com/content/data/0029-1.htm